ดาวอังคาร Mars
ดาวอังคาร หรือ ดาวเคราะห์สีแดง เป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวในระบบสุริยะจักรวาลที่เคยมีความเชื่อกันว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะค้นพบสิ่งมีชีวิตทั้งในอดีตและอาจจะในปัจจุบันด้วย และยังเป็นทางเลือกสำหรับการสำรวจและการตั้งถิ่นฐานของมนุษยชาติในอนาคต จึงไม่น่าประหลาดใจที่ประเทศมหาอำนาจหลายประเทศในโลกส่งยานอวกาศของตนขึ้นไปสำรวจและค้นคว้าวิจัย
ดาวอังคารอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 4 และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ในระบบสุริยะจักรวาล
ดาวอังคารอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 4 และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ในระบบสุริยะจักรวาล
มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 6,794 กิโลเมตรซึ่งใหญ่กว่าครึ่งหนึ่งของโลก อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 222,000,000 ระยะเวลาในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 687 วันของเวลาโลกโดยดาวอังคารจะโคจรเป็นวงรีรอบดวงอาทิตย์ และหมุนรอบตัวเองเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง 37 นาที ของเวลาโลก
ดาวอังคารมีมวล ประมาณ 6.42 x 10 23 กิโลกรัม หรือ ราว 1/9 ของมวลโลก มีความโน้มถ่วงที่พื้นผิวราว 38% ของผิวโลก ดังนั้นน้ำหนัก 60 กิโลกรัมบนโลก จะมีน้ำหนักเหลือประมาณ 22.8 กิโลกรัมบนพื้นผิวดาวอังคาร
ดาวอังคารมีอุณหภูมิเฉลี่ย -65 องศาเซลเซียส (หรือ -85 องศาฟาร์เรนท์ไฮท์) ขณะที่อุณหภูมิจริง อยู่ระหว่าง -140 ถึง +20 องศาเซลเซียส ( หรือ -220 ถึง +70 องศาฟาร์เรนท์ไฮท์ )
ภาพแสดงการเปรียบเทียบขนาดของโลกกับดาวอังคาร
โดยชั้นบรรยากาศของดาวอังคารประกอบด้วย Carbon Dioxide (95.3%) Nitrogen (2.7%) Argon (1.6%)Oxygen (0.15%) ไอน้ำ (0.03%) และอื่นๆ พื้นผิวดาวอังคารประกอบด้วยหินที่ประกอบด้วยโลหะจำพวกเหล็กและผงโลหะเป็นส่วนมาก จึงทำให้เมื่อมองจากโลกเห็นเป็นสีแดง ดินของดาวอังคารที่จะเป็นองค์ประกอบที่มีฤทธิ์เป็นด่างเล็กน้อยและมีเช่น แมกนีเซียม , โซเดียม , โปแตสเซี และ คลอไรด์ . สารอาหารเหล่านี้จะพบในสวนบนโลกและเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของพืช พบว่าดินบนดาวอังคารมี พื้นฐาน ที่ pH 8.3
ดาวอังคารมีดาวบริวารหรือดวงจันทร์ขนาดเล็ก 2 ดวง คือ โฟบอสและไดมอส โดยทั้งสองดวงมีรูปร่างบิดเบี้ยวไม่เป็นรูปกลม ซึ่งคาดกันว่าอาจเป็นดาวเคราะห์น้อยที่หลงเข้ามาแล้วดาวอังคารคว้าดึงเอาไว้ให้อยู่ในเขตแรงดึงดูดของตน
บริวารของดาวอังคาร
โฟบอล และ ไดบอส บริวารทั้งสองของดาวอังคาร
***ยานอวกาศลำแรกที่ประสบความสำเร็จในการผ่านใกล้ดาวอังคาร คือ ยานมารีเนอร์ 4 ของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2508 ภาพที่ถ่ายทอดกลับมาจำนวน 22 ภาพแสดงให้เห็นว่าพื้นผิวดาวอังคารมีหลุมและบ่อมากมาย ยานอวกาศมารีเนอร์อีกหลายลำต่อมา สามารถถ่ายภาพพื้นผิวรวมกันแล้วได้ครบทั่วทุกบริเวณ โดยเห็นภาพละเอียดถึง 1 กิโลเมตร ภาพถ่ายเหล่านี้ช่วยให้นักภูมิศาสตร์ทำแผนที่ของดาวอังคารได้ทั้งดวง บนพื้นผิวของดาวอังคารจึงพบการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ทางธรณีวิทยา เช่น ปล่องภูเขาไฟ หุบเหวกว้างและลึกร่องที่เหมือนกับร่องน้ำที่เคยเป็นทางน้ำไหลมาก่อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น